
มังกร เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี มีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู
ในตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ เช่น กษัตริย์อาเธอร์ มงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร.
กล่าวกันว่า หินวิเศษ คือสิ่งที่อยู่ภายใน ศีรษะของมังกรสิ่งที่อยู่ในหัวมังกรคือหินวิเศษแต่มันจะไม่เป็นหินถ้าไม่ ผ่าเอาออกมาขณะที่มังกรยังมีชีวิตอยู่ เมื่อใดที่มังกรเสียชีวิต ความแข็งของหินนั้นก็จะหมดไป พร้อมกับชีวิตของมังกรด้วย ผู้ที่มีความกล้าหาญมากๆ จะออกสืบเสาะหาถ้ำมังกร และจะเฝ้าคอยจนกระทั่ง มังกรออกจากถ้ำไปหาอาหาร ขณะที่มังกรเดินผ่านมา พวกเขาก็จะขว้างสมุนไพร ใส่หน้ามังกรเพื่อให้มันหลับเมื่อมังกรหลับแล้ว พวกเขาก็จะผ่าเอาหินวิเศษออกจากหัวมังกร และนำสิ่งล้ำค่าที่ขโมยมาได้นี้ ไปขายเพื่อแสวงหาความร่ำรวย กษัตริย์หลายพระองค์ ในเอเชียจะประดับหินวิเศษของมังกร แม้ว่ามันจะมีความแข็งมาก จนไม่มีใครหรือสิ่งใดสามารถประทับตราจารึก หรือทำเครื่องหมายใดๆ ได้เลยก็ตาม หินนี้มีสีขาวบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ
เราพบมังกรได้ง่ายและบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในตำนานของทางยุโรปหรือเอเชียก็ตาม เรียกว่าที่ใดมีอารยธรรมและตำนาน ที่นั่นก็ต้องมีมังกรเป็นของคู่กัน. มังกรนั้นมีรูปร่างและลักษณะหลายอย่าง แตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีจุดเด่นคือ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โต มีพละกำลังมาก บางครั้งอาจพ่นไฟได้ หรือมีอำนาจเวทมนตร์มหาศาล และที่สำคัญคือ บินได้ อาจจะมีปีกหรือไม่มีก็ได้ โดยขนาดรูปร่างและสีนั้น ก็แตกต่างกันไป เช่น
ในตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ เช่น กษัตริย์อาเธอร์ มงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร.
กล่าวกันว่า หินวิเศษ คือสิ่งที่อยู่ภายใน ศีรษะของมังกรสิ่งที่อยู่ในหัวมังกรคือหินวิเศษแต่มันจะไม่เป็นหินถ้าไม่ ผ่าเอาออกมาขณะที่มังกรยังมีชีวิตอยู่ เมื่อใดที่มังกรเสียชีวิต ความแข็งของหินนั้นก็จะหมดไป พร้อมกับชีวิตของมังกรด้วย ผู้ที่มีความกล้าหาญมากๆ จะออกสืบเสาะหาถ้ำมังกร และจะเฝ้าคอยจนกระทั่ง มังกรออกจากถ้ำไปหาอาหาร ขณะที่มังกรเดินผ่านมา พวกเขาก็จะขว้างสมุนไพร ใส่หน้ามังกรเพื่อให้มันหลับเมื่อมังกรหลับแล้ว พวกเขาก็จะผ่าเอาหินวิเศษออกจากหัวมังกร และนำสิ่งล้ำค่าที่ขโมยมาได้นี้ ไปขายเพื่อแสวงหาความร่ำรวย กษัตริย์หลายพระองค์ ในเอเชียจะประดับหินวิเศษของมังกร แม้ว่ามันจะมีความแข็งมาก จนไม่มีใครหรือสิ่งใดสามารถประทับตราจารึก หรือทำเครื่องหมายใดๆ ได้เลยก็ตาม หินนี้มีสีขาวบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ
เราพบมังกรได้ง่ายและบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในตำนานของทางยุโรปหรือเอเชียก็ตาม เรียกว่าที่ใดมีอารยธรรมและตำนาน ที่นั่นก็ต้องมีมังกรเป็นของคู่กัน. มังกรนั้นมีรูปร่างและลักษณะหลายอย่าง แตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีจุดเด่นคือ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โต มีพละกำลังมาก บางครั้งอาจพ่นไฟได้ หรือมีอำนาจเวทมนตร์มหาศาล และที่สำคัญคือ บินได้ อาจจะมีปีกหรือไม่มีก็ได้ โดยขนาดรูปร่างและสีนั้น ก็แตกต่างกันไป เช่น
Gold Dragon ตัวนี้ก็จะมีสีทอง เป็นมังกรที่จะเรียกได้ว่าอยู่ฝ่ายเทพก็ไม่ผิด
Black Dragon มังกรดำตัวนี้ก็จะมีอำนาจร้อยกาจมาก เป็นของพวกมาร ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในถ้ำ
Tiamat เป็นราชาของพวกปีศาจ เป็นเจ้าแห่งขุมนรกทั้งเก้า(ของยุโรป) มีห้าหัว
Mist Dragon ก็อยู่แถบน้ำตกใหญ่ๆ หรือหน้าผา หรือบริเวณที่มีหมอกลงจัด สีออกโทนขาว ฟ้า เทา
Black Dragon มังกรดำตัวนี้ก็จะมีอำนาจร้อยกาจมาก เป็นของพวกมาร ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในถ้ำ
Tiamat เป็นราชาของพวกปีศาจ เป็นเจ้าแห่งขุมนรกทั้งเก้า(ของยุโรป) มีห้าหัว
Mist Dragon ก็อยู่แถบน้ำตกใหญ่ๆ หรือหน้าผา หรือบริเวณที่มีหมอกลงจัด สีออกโทนขาว ฟ้า เทา
มังกรที่พบในตำนานของทางยุโรปและของทางเอเชียนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกันในแง่สัญลักษณ์ โดยเฉพาะคติของจีนที่มักจะถือว่า มังกรนั้นคือเทพเจ้า และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ แต่ทางยุโรปนั้นมักจะถือมังกรเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเจ้าสัตว์ประหลาดมีปีกพ่นไฟได้ตัวนี้อยู่ 2 แนวคิดด้วยกันคือ 1. มันเป็นสัตว์ในเทพนิยายโดยแท้ ไม่มีอยู่จริง ซึ่งก็คือเหลวไหลทั้งเพนั่นเอง เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับมังกรเป็นเรื่องของจินตนาการ ซึ่งคนโบราณได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัตว์บางชนิด เช่นงู หรือสัตว์อื่นๆ ความเป็นไปได้มันมีอยู่แบบนี้ คนส่วนใหญ่เชื่อกันในแนวคิดที่หนึ่ง 2. เชื่อว่ามันเคยมีอยู่จริงๆบนโลกนี้ ว่ากันในเชิงชีววิทยาก่อน มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะหาทฤษฎีที่เป็นไปได้ที่จะอธิบายว่า อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้มังกรบินได้ พ่นไฟได้หรือแม้แต่คุณสมบัติพิเศษของเลือดมังกรที่ใครได้อาบได้กินแล้วจะ ส่งผลพิเศษตามมาอีกร้อยแปดเนื่องจากตอนนี้เรามีหลักฐานเกี่ยวกับมังกรอยู่ น้อยมากนอกจากเรื่องเล่าต่างๆแล้ว ซากกระดูกฟอสซิล หรือหลักฐานอื่นๆเกี่ยวกับมังกรนั้นเราแทบจะไม่เคยพบกันเลย มันเป็นเพียงแนวคิดที่นำมาเล่าให้ฟังกันเล่นๆ เพราะท่าทางมันเป็นไปได้และน่าเชื่อถืออยู่มาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น