วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

ตำนานมังกร ตอน4


ตามตำนานในสมัยโบราณของจีน มี เจ้าแม่นึ่งออ หรือ หนี่วา มีลักษณะลำตัวเป็นคน แต่หัวเป็นงู ซึ่งในบางตำราก็มีการบอกต่อ ๆ กันมาว่าว่ามีลำตัวตัวท่อนบนเป็นคน แต่ท่อนล่างเป็นงู เมื่อเจ้าแม่นึ่งออสิ้นอายุไข นางได้ตายไปแล้วเป็นเวลา 3 ปี แต่ศพของนางกลับไม่เน่าเปื่อย และเมื่อมีคนลองเอามีดผ่าท้องของนางดู ก็ปรากฏมีมังกรเหลืองตัวหนึ่งพุ่งออกมาแล้วเหาะขึ้นฟ้าไป
ตามตำราดึกดำบรรพ์ของจีนกล่าวกันว่า มังกรจีนนั้น ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยของ พระเจ้าฟูฮี,ฟูซี หรือฟูยี (หรือเมื่อประมาณ 3,935 ปีก่อนพุทธกาล) มีตำนานกล่าวกันไว้ว่า มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวงเป็นระยะเวลาหลายพันปี ซึ่งแท้จริงแล้วมังกรตัวนั้นก็คือ พระเจ้าฟูฮี แปลงร่างนั่นเอง พระเจ้าฟูฮีนั้นป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก ทรงคิดประดิษฐ์ของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น “โป๊ย-ก่วย” หรือ ยันต์แปดทิศ อีกทั้งยังทรงเป็นผู้กำหนดการที่ให้ชายหญิงมีการหมั้นหมายกันเป็นคู่ครองอีกด้วย
ในหนังสือประวัติวัฒนธรรมจีนได้กล่าวกันไว้ว่า มังกรนั้นได้ถือกำเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอึ่งตี่ พระเจ้าอึ่งตี่, อึ้งตี่ หรือหวงตี้ ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินจีนไว้เป็นผืนเดียวกัน โดยพระองค์ได้ทรงสร้างจินตนาการรูปมังกรขึ้นมา จากการรวมสัญลักษณ์ของเผ่าต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มังกรกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าเผ่าต่าง ๆ ได้รวมกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อพระเจ้าอึ่งตี่สิ้นอายุขัย ก็มีมังกรจากฟ้าลงมารับพระองค์และพระมเหสีขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ โดยบางตำราได้กล่าวว่าพระองค์นั้นเป็นหวงตี้องค์เดียวกับที่ได้เป็นเจ้าสวรรค์ หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ในเวลาต่อมา เพราะเหตุนี้ชาวจีนจึงถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตำนานมังกร ตอน3


มังกรจริง ๆ ในปัจจุบันก็คือซากของไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งกลายเป็นหิน ไข่ไดโนเสาร์ถูกค้นพบในหลายพื้นที่ในประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีไดโนเสาร์มากที่สุดในโลกในสมัยโบราณใช้ในการประกอบเป็นยาสมุนไพร เรียกกันว่า “ยากระดูกมังกร” ส่วนไข่ของมังกรจีนนั้นในสมัยเฉียนหลง ถือเอาไข่มังกรจีนเป็นเครื่องรางประจำราชสำนักภายในพระราชวังปักกิ่ง
ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณนั้น จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ 4 ชนิด คือ กิเลน หงส์ เต่า และมังกร โดยชาวจีนจะเชื่อถือกันว่ามังกรนั้น เป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนั้น มังกรจีนหรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า “เล้ง-เล่ง-หลง-หลุง” ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการออกเสียงของในแต่ละท้องถิ่น ชาวจีนถือว่ามังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเพศชาย
เนื่องจากมังกรจีนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้าในสรวงสวรรค์และเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ผู้เป็นโอรสจุติมาจากสวรรค์ ชาวจีนจึงมีความเชื่อว่าหากผู้ที่ได้พบเห็นมังกร จะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองมาก ผู้ที่มีโอกาสจะได้ขี่หลังมังกรจะต้องเป็นคนมีศีล มีสัตย์ มีจิตใจบริสุทธิ์ดีงาม ถึงจะมีมังกรมารับไปเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์ ในสมัยโบราณนั้นชาวจีนได้มีการจัดทำ ตำรามังกร ขึ้นมา ซึ่งเป็นการรวบรวมในรายละเอียดส่วนของประวัติ เผ่าพันธุ์และลักษณะของมังกรไว้อย่างละเอียดที่สุด แต่เนื่องมาจากตำราเหล่านั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว การศึกษาเรื่องของมังกรจีนในปัจจุบัน จึงเป็นเพียงแค่การศึกษาจากหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ชาวจีนเท่านั้น

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตำนานมังกร ตอน2

ตำนานมังกรโบราณของชาวจีน
ตำนานมังกรจีนโบราณมีอายุยาวนานกว่า 4,000 ปี ซึ่งลักษณะรูปร่างของมังกรจีนนั้น สุดแล้วแต่นักวาดรูปจะจินตนาการเสริมแต่งออกมา การขายจินตนาการของนักวาดรูปจะเขียนมังกรออกมาโดยยึดลักษณะรูปแบบที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ มังกรจีนจะมีลักษณะลำตัวที่ยาวเหมือนงู มีเกล็ดสีเขียว นัยน์ตาสีแดง มีหนวดและเขาอย่างละคู่ มีขา 4 ขาและกงเล็บที่แข็งแรง มังกรจีนโบราณถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์เทพเจ้าซึ่งชาวจีนเคารพนับถือ เป็นสัตว์พาหนะของเทพเจ้าในลัทธิเต๋า ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสวรรค์ มังกรจีนที่มีกงเล็บ 5 เล็บ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ของจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ มังกรบางตัวจะถือไข่มุกเม็ดใหญ่อยู่ที่ขาหน้า ครั้งหนึ่งคนเคยคิดว่าไข่มุกคือไข่ของมังกร มังกรบางชนิดวางไข่ในน้ำไหล
มังกรจีนในตำนานนั้น สามารถที่จะทำตัวเองให้มีขนาดใหญ่เท่ากับจักรวาลหรือมีขนาดเล็กเท่ากับหนอนไหมได้ และในบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ของจีน มังกรจีนถือเป็นสัตว์แห่งเทพเจ้า ได้รับความนับถือมากที่สุด มังกรจีนมีลักษณะนิสัยที่เมตตากรุณา เป็นมิตร ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ยังมีความฉลาด มีปัญญามาก มีความเด็ดขาด และมีพลัง มังกรจีนจึงเป็นที่ปรึกษาของผู้นำในด้านต่าง ๆ แต่มังกรจีนมีทิฐิในตัว จะถือตัวว่าถูกหมิ่นประมาทเมื่อผู้นำไม่ยอมทำตามคำแนะนำของมังกรจีน หรือเมื่อผู้คนไม่ให้เคารพความสำคัญ มังกรจีนจะทำให้ฝนหยุดตก หรือเป่าเมฆดำออกมาซึ่งจะนำพาพายุ และน้ำท่วมมาให้ มังกรตัวเล็กก็ทำเรื่องยุ่งยากเล็ก ๆ เช่นทำหลังคารั่ว หรือทำให้ข้าวเกิดความเหนอะหนะ


วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตำนานมังกร


ตำนานมังกร

ตำนานมังกรของจีนนั้นนับว่าเก่าแก่กว่าประเทศอื่นๆ คือราวสี่พันกว่าปีมาแล้วโดยในสมัย พระเจ้าชุน 2255-2205 ปีก่อน ค.ศ. ได้เกิดอุทกภัยจากแม่นํ้าฮวงโหผู้คนล้มตายมากมาย พระองค์จึงสั่งให้อำมาตย์ผู้หนึ่งชื่อ ยู้ ไปแก้ไข แม้ว่ายู้จะเพิ่งแต่งงานได้เพียง 4 วัน แต่เขาก็ไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเลยถึง 33 ปี บุกป่าฝ่าเขา เผาป่าขุดคลอง กระทั่งสามารถระบายนํ้าท่วมทั้งหมดลงสู่ทะเลได้ เมื่อพระเจ้าชุนสิ้นพระชนม์ ราษฎรจีนทั้งปวงจึงพร้อมใจกันให้ยู้ขึ้นครองราชสมบัติแทน ทรงพระนามว่าพระเจ้า อู๋เต้ 2205-2197 ปี ก่อน ค.ศ. ต้นราชวงศ์เหีย

ด้วยความยิ่งใหญ่ของยู้ ทำให้กล่าวกันว่า จริงๆ แล้วกำเนิดของยู้นั้นเป็นพญามังกร ดังนั้น จึงถือกันว่าฮ่องเต้หรือจักรพรรดิองค์ต่อๆ มาของจีนนั้นก็คือมังกรกลับชาติมาเกิด ด้วยเหตุนี้สัญลักษณ์ของฮ่องเต้ จึงใช้รูปมังกรแต่จะผิดแผกจากมังกรธรรมดา คือมี 5 เล็บ และใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำองค์ฮ่องเต้เป็นหลัก ในเมืองจีนเราจึงมักได้เห็นรูปมังกร ปรากฏประดับประดาอยู่ทั่วไปครับ ไม่ว่าจะบนผ้าม่านที่ปักอย่างวิจิตร บนตราประทับ หรือบนแจกันตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

มังกร ตอน4


และนี่คือเรื่องราวของมังกรหลายตัวซึ่งปรากฏสู่สายตาเราในช่วงเวลาที่ผ่านมา
-ลาดอน มังกรกรีกโบราณซึ่งคอยเฝ้าต้นแอปเปิ้ลทองคำของเทพีเฮร่า เฮอร์คิวลิสฆ่าลาดอนเพื่อขโมยแอปเปิ้ลเหล่านั้น
-มังกรเทพเจ้าของชาวจีน ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชนชาติจีน ชาวจีนทั่วโลกประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่า "หลุง ติ๊ก ฉวน เหยิน" หรือสายเลือดมังกร มังกรมักได้รับการกล่าวถึงในฐานะสัตว์เทพเจ้าในตำนาน ซึ่งทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง และโชคดี
-โยงูเนะ-นูชิ มังกรญี่ปุ่นที่ชั่วร้าย ซึ่งปรารถนาเนื้อมนุษย์ และสั่งให้เอาหญิงสาวมาบูชายัญปีละครั้ง
-ราหู และเกตุ มาจากตำนานของชาวอินเดีย และมีความสำคัญในโหราศาสตร์ตามหนังสือพระเวทย์ ราหูเป็น "หัวมังกร" เกี่ยวข้องกับวงโคจรด้านเหนือของดวงจันทร์ เกตุเป็น "หางมังกร" เกี่ยวข้องกับวงโคจรด้านใต้ของดวงจันทร์
-ฟัฟเนอร์ มังกรในเทพนิยายของชาวนอร์ส (สแกนดิเนเวีย) เดิมทีเกิดมาเป็นยักษ์ ในวัยเด็กได้ฆ่าพ่อของตนเพื่อยึดสมบัติ หลังจากนั้นด้วยอำนาจวิเศษ ฟัฟเนอร์ก็แปลงร่างเป็นมังกรเพื่อจะรักษาสมบัติใหม่ๆ ที่ได้มาอย่างชั่วร้ายได้ดียิ่งขึ้น
-เอช.อาร์.พัฟเฟินทัฟ ภาพยนตร์ซีรี่ส์ในทศวรรษที่ 1970 นำเสนอมังกรพูดได้ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของเกาะลิฟวิ่งไอส์แลนด์ เกาะซึ่งเด็กวัยรุ่นชื่อจิมมี่ และขลุ่ยพูดได้ของเขาชื่อเฟรดดี้ไปติดอยู่เพราะวิชีเอพูผู้ชั่วร้าย
-มังกรของพีท เรื่องราวไลฟ์แอ๊คชั่นผสมกับตัวการ์ตูนซึ่งยังเป็นที่ติดอกติดใจของเด็กๆ ในปัจจุบัน
-พัฟฟ์เดอะเมจิคดราก้อน เพลงอันดับหนึ่งในชาร์ตในปี 1960 ผลงานของปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่ ที่แต่งขึ้นจากบทกวีเกี่ยวกับความไร้เดียงสาของวัยเด็กที่สูญหายไป
-ดราก้อนฮาร์ท ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 1996 สร้างโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ เล่าเรื่องราวในยุคกลางของมังกรตัวสุดท้ายในโลก
-มูชู มังกรตัวการ์ตูนจากภาพยนตร์เรื่อง "มู่หลาน" ของดิสนีย์ รับบทเป็นองครักษ์ที่ทรงพลังคอยช่วยมู่หลานต่อสู้กับผู้บุกรุกแผ่นดินชาวฮั่น และนำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลของเธอ
-นอร์เบิร์ต ลูงมังกรของแฮกริดในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนศิลาอาถรรพ์ ที่น้องๆ ได้พบตั้งแต่เจ้านอร์เบิร์ตฟักตัวออกจากไข่และพ่นไฟใส่เคราของแฮกริด ก่อนจะได้พบกับเจ้ามังกรพันธุ์ฮังกาเรียนหางหนามในศึกประลองเวท
-ชาริซาร์ด มังกรบินพ่นไฟจากวิดีโอเกมและเกมไพ่สะสมโปเกมอน ชื่อภาษาญี่ปุ่นของชาริซาร์ดคือ "ริซาอาดอน" (ลิซาร์ดอน)
-มังกรขาวตาสีฟ้า หนึ่งในไพ่ยูกิโอรุ่นแรกๆ ปรากฏตัวในภาคแรก

มังกร ตอน3


ย้อนกลับไปในยุค ไตรแอสสิก หรือราว 200 ล้านปีก่อน ซึ่งสัตว์จำพวกครึ่งบกครึ่งน้ำ ได้ถือกำเนิดบนโลกนี้แล้ว เจ้าพวกนี้บิน หรือพ่นไฟไม่ได้ ได้แต่วิ่งสี่ขาเพ่นพ่าน ต่อมาบางตัวได้เริ่มต้นวิ่งด้วยสองขาหลัง ดังนั้น สองขาหน้าของมันจึงไร้ประโยชน์แล้วเลยกลายเป็นปีก สามารถเหาะเหินขึ้นสู่ฟ้าได้ นี่ก็น่าจะเป็นบรรพบุรุษตัวหนึ่งของมังกรได้ ล่วงมาถึง 65 ล้านปีในอดีต สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาบางตัวมีอวัยวะคู่ที่ 3 งอกขึ้นมาเป็นปีก เจ้าตัวนี้มีทีท่าน่าจะคล้ายมังกรที่เรารูจักมากที่สุด เพราะมันบินได้ และมีกระเพาะ ที่ย่อยสลายแล้วได้ก๊าซไฮโดรเจนอันเป็นต้นตอของไฟที่มันพ่นออกมา หากทว่าบางตัวเอาแต่จับปลาหาเต่ากินในน้ำ มันจึงแปรสภาพไปเป็นสัตว์น้ำโดยสมบูรณ์ ปีกกลายเป็นครีบ เจ้ามังกรที่ว่านี้ ก็อย่างเช่น สัตว์ประหลาดยักษ์ที่ร่ำลือกันในทะเลสาบล็อคเนสส์ หรือเจ้าเนสสี นั่นเอง

สำหรับมังกรบางตัวที่ขึ้นมาหากิน บนบกนั้นก็มี อาทิ มังกรในป่าไม้ ลำตัวของมันคงยาวเหมือนตอนอยู่ในน้ำ เพื่อว่าเวลาวิ่งผ่านต้นไม้ จะได้สะดวก ส่วนปีกนั้นสั้นลงจะได้ไม่เกะกะ มันก็เลยบินจริงๆไม่ได้ อาจแค่กระโดดพะเยิบพะยาบ ไปตามพื้นดิน “มังกรป่า” เหล่านี้ ปัจจุบันพอพบได้ ตามหมู่เกาะบางแห่งของญี่ปุ่น ในป่าละเมาะและดงดิบ ของจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ก็ยังมี “มังกรภูเขา” ซึ่งส่วนใหญ่ อยู่ในยุโรป รูปร่างของมันจะม่อต้อไม่เรียวเหมือนมังกรทะเล ทำให้มันบินได้คล่องตัวกว่า หางของมันยาวพอๆกับลำตัว ที่ปลายหางเป็นรูปหัวลูกศรซึ่งคมกริบ เป็นอาวุธสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มังกรใช้ตวัดใส่ศัตรู

มังกร ตอน2


โลกเรานี้มีมังกรจริงๆหรือไม่ หรือที่จริงแล้วมันเป็นสัตว์โลกประเภทใดแน่
ปีก - น่าจะเป็นอวัยวะสำคัญที่สุด ปีกมังกรละม้ายไปทางปีกค้างคาว สามารถพยุงน้ำหนักลำตัว ได้มากกว่าปีกนกธรรมดาๆ
กระเพาะอาหาร - หลายนี่แหละที่ทำให้มังกร มันลอยตัวในอากาศได้ กล่าวคือ ในกระเพาะนั้น ย่อมมีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยอาหาร ที่มันเขมือบเข้าไป และในกระบวนการย่อยนี้ ก็จะเกิดมีก๊าซไฮโดรเจนขึ้น ก๊าซนี้มีน้ำหนักเบากว่าอากาศถึง 14 เท่า จึงพยุงร่างให้ลอยขึ้นได้ นอกจากนี้ ไฮโดรเจนยังเป็นก๊าซไวไฟ เจ้ามังกรจึงใช้พ่นออกมาเผาผลาญอริของมันได้ โดยมันจะเก็บก๊าซนี้ไว้ในถุงลม ถึงยามจำเป็นจึงนำออกมาใช้
กระดูก - สัตว์ที่บินได้ทั้งหลาย ไม่ว่าค้างคาวหรือนก ล้วนมีโครงสร้างกระดูกเป็นโพรงกลวง ทำให้มีน้ำหนักเบา ช่วยให้ลอยตัวในอากาศได้ ดีขึ้น มังกรเองก็มีกระดูกลักษณะนี้เช่นกัน
ตัวจุดประกายไฟ - แม้จะผลิต ก๊าซไฮโดรเจนได้แล้ว แต่ก๊าซย่อมไม่ติดไฟขึ้นได้เอง ต้องอาศัยการเกิดประกายไฟ หรือสปาร์ก ในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า เจ้ามังกรได้กินเอาหินชนวนเข้าไป พอหินย่อยแล้วก็จะกลายเป็น ผงทองคำขาว หรือแพลททินัม ซึ่งผงดังกล่าวนี้สามารถ ทำปฏิกิริยากับก๊าซไฮโดรเจน แล้วลุกเป็นไฟให้เจ้ามังกรพ่นออกมาได้

การผสมพันธุ์ - จะเป็นแบบเดียวกับ ลูกหลานของมันประเภทหนึ่งคือ นกอินทรีหัวล้าน ซึ่งเป็นวิธีการพิสดารไม่เหมือนใคร โดยนกอินทรีตัวผู้ตัวเมียจะใช้กรงเล็บ เกาะกุมกันไว้กลางอากาศแล้วผสมพันธุ์ ช่วงนั้นมันทั้งคู่จะปราศจาก การควบคุมสมดุล และควงสว่านลงมาจากนภากาศ มันจะเสพสมสำเร็จ ในวินาทีก่อนที่จะตกกระทบพื้นดิน แล้วพลันโผผินบินขึ้นสู่ท้องฟ้าผละจากกัน มังกรตัวผู้ตัวเมีย ก็ผสมพันธุ์เฉกเช่นเดียวกับนกอินทรี หากแต่ตอนผละจากกันนั้น มันจะพ่นอัคคีออกมาพวยพุ่งเป็นสองลำในอากาศ
การหลอกศัตรู - เจ้ามังกรตัวน้อยๆนั้น อาจตกเป็นเหยื่อแก่ไดโนเสาร์โหดอย่างที-เร็กซ์ ได้โดยง่าย ใต้ปีกของมันจึงมีรูปดวงตาเบ้อเร่อสีสดใส ยามมีภัยมาใกล้ตัวมังกร